ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

วิเคราะห์วรรณกรรมซีไรท์ เรื่อง ลูกอีสาน


วิเคราะห์วรรณกรรมซีไรท์
เรื่อง ลูกอีสาน

ขั้นการใช้สื่อนำเรื่อง
ประวัติผู้แต่ง
 คำพูน บุญทวี เดิมชื่อ คูน เกิดเมื่อ ๒๖ พ.ศ. ๒๔๗๑ ที่บ้านทรายมูล ตำบลทรายมูล อำเภอยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี (ปัจจุบันเป็นตำบลทรายมูล อำเภอทรายมูล จังหวัดยโสธร) เป็นบุตรคนโตจากทั้งหมด ๗ คนของนายสนิทและนางลุน บุญทวี 


คำพูนเรียนหนังสือที่บ้านเกิดจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ที่โรงเรียนปรีชาบัณฑิต จากนั้นจึงเริ่มทำงานหลายอย่างในจังหวัดภาคอีสาน เป็นหัวหน้าคณะรำวง และขายยาเร่ ต่อมาเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เป็นกรรมกรรับจ้างรายวันที่ท่าเรือคลองเตย เป็นคนเลี้ยงม้าแข่ง เป็นสารถีสามล้อ จนกระทั่งสอบเป็นครูได้บรรจุที่ภาคใต้ สอนหนังสืออยู่ ๑๑ ปี จึงเปลี่ยนไปเป็นผู้คุมเรือนจำ ต่อมาแต่งงานกับ นางประพิศ ณ พัทลุง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๔ มีบุตร ๖ คน แล้วลาออกมาจากงานราชการนี้เมื่ออายุได้ ๔๐ เศษๆ
                    คำพูนเริ่มเขียนหนังสือเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๓  เรื่องสั้นเรื่องแรกที่เขาส่งไปยัง นิตยสารฟ้าเมืองไทย คือเรื่อง รักในเหวลึก  แต่อาจินต์ ปัญจพรรค์ เปลี่ยนชื่อให้ใหม่เป็นนิทานลูกทุ่ง จนถึงปีพ.ศ.๒๕๑๖  เขาเขียนเรื่องสั้นได้ประมาณ ๑๐ เรื่องและยังมีเรื่องสั้นขนาดยาวอีก ๓ เรื่อง  ในช่วงนี้เอง  อาจินต์ ปัญจพรรค์  แนะนำให้คำพูน  อ่านหนังสือแปลเรื่อง บ้านเล็กในป่าใหญ่  (ของ ลอร่า อิงเกิลไวล์เดอร์) จึงทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจ  เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนชนบทในอีสาน เขาจึงลงมือเขียน หลังจากนั้นมา  คำพูนได้ผลิตผลงาน เขียนออกมาเรื่อยๆ  โดยเฉพาะเรื่องสั้น  และนวนิยาย เช่น  เลือดอีสานคำให้การของคนคุกหอมกลิ่นปลาร้า, ชุดนักเลงลูกทุ่ง เป็นต้น  ปัจจุบันคำพูนเขียนหนังสือเป็นอาชีพ
คำพูน บุญทวี ได้รับการยกย่อง เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์เมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๔

งานเขียนครั้งแรก 
  เรื่องสั้น
- เรื่อง รักในเหวลึก 
ผลงานรวมเล่ม
นวนิยายเรื่องอื่นๆที่คำพูนเขียน เช่น
- ดอกฟ้ากับหมาคุก
            - คำสารภาพของขี้คุก
            - เลือดอีสาน
            - อีสานพเนจร
            - เสียงกระซิบจากโซ่ตรวน
            - ลูกลำน้ำโขง
            - วีรบุรุษเมืองใต้
            - ใหญ่ก็ตายไม่ใหญ่ก็ตาย
            - นายหน้า แมงดา อาโก โสเภณีเด็ก
            - นรกหนาวในเยอรมัน
            - ตำนานรักลูกปักษ์ใต้

เกียรติยศที่ได้รับ
- ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ปี พ.ศ.2544 เจ้าของรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) คนแรกของประเทศไทย  จากนวนิยายเรื่อง ลูกอีสาน เมื่อปี 2522 

งานที่ได้รับรางวัล
-          ลูกอีสาน พิมพ์เป็นตอนๆ ในนิตยสารฟ้าเมืองไทย  ในปีพ.ศ.๒๕๑๘ - ๒๕๑๙  ซึ่งเป็นนิยายที่ได้รับรางวัลนวนิยายดีเด่น 
-          เรื่องนายฮ้อยทมิฬ  อีกเรื่องที่ได้รับรางวัลจากสมาคมผู้พิมพ์และผู้จัดจำหน่ายหนังสือเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๑
-          ลูกอีสานได้รับรางวัลดีเด่นจากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ เมื่อปี 2519   
-          นวนิยาย นายฮ้อยทมิฬ ของเขาก็ได้รับรางวัลชมเชย จากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ (2520)
-          นวนิยายเรื่องลูกอีสานก็ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน
                  (ซีไรต์) พ.ศ.2522


ที่มาและรูปแบบการแต่ง
ลูกอีสาน เป็นการนำเอาเรื่องราวจากประสบการณ์ที่ผู้เขียนพบเห็น  เป็นงานประเภท สีสันท้องถิ่น (Local Color) ที่สะท้อนให้เห็นถึงสาระชีวิตของคนอีสาน การกิน การอยู่ ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีความเชื่อต่างๆ ตั้งแต่เกิดจนตาย  รวมตลอดทั้งเรื่องสีสัน ของเรื่องและ บรรยกาศชีวิตคนอีสาน ซึ่งแต่งเป็นนวนิยาย โดยใช้วิธีการเล่าเรื่องราว โดยผ่านเด็กชายคูน ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ ในถิ่นชนบท ของอีสาน แถบที่จัดได้ว่า เป็นถิ่นที่แห้งแล้ง แห่งหนึ่งของไทย


เนื้อเรื่องย่อ
ลูกอีสาน เป็นการนำเอาเรื่องราวจากประสบการณ์ที่ผู้เขียนพบเห็นถ่ายทอดในรูปนิยายโดยได้เขียนเป็นตอนๆประมาณ 36 ตอน เพื่อพิมพ์ลงในนิตยสารฟ้าเมืองไทย ช่วงปีพ.ศ.2518-2519 ลูกอีสาน ใช้วิธีการเล่าเรื่องราวโดยผ่านเด็กชายคูนซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในถิ่นชนบทของอีสานแถบที่จัดได้ว่าเป็นถิ่นที่แห้งแล้งแห่งหนึ่งของไทยผู้เขียนได้เล่าถึงขนบธรรมเนียม ประเพณี ตลอดจน ความเชื่อของชาวอีสาน รวมไปถึง การบรรยาย ถึงสภาพความเป็นไปตามธรรมชาติของผู้คนและสภาพแวดล้อม เช่น การเกี้ยวพาราสีกัน ของทิดจุ่น และพี่คำกอง จนท้ายที่สุด ก็ได้แต่งงานกัน การออกไปจับจิ้งหรีดของคูน การเดินทางไปหาปลาที่ลำน้ำชีเพื่อนำปลามาทำอาหารและเก็บถนอมเอาไว้กินนานๆ ด้วยการทำปลาร้า เป็นต้น นอกจากนั้น ยังแทรกความสนุกสนาน เพลิดเพลิน จากการทำบุญ ตามประเพณี ไว้หลายตอน ด้วยเช่นกัน ได้แก่ การจ้างหมอลำหนู ซึ่งเป็นหมอลำ ประจำหมู่บ้าน ลำคู่กับหมอลำฝ่ายหญิง ที่ว่าจ้างมาจากหมู่บ้านอื่น ทั้งกลอนลำ และการแสดงออก ของหมอลำทั้งสอง สร้างความสนุกสนาน ครึกครื้น แก่ผู้ชมที่มาเที่ยวงาน อย่างมาก ลูกอีสาน เป็นการถ่ายทอดเรื่องราว จากประสบการณ์ ด้วยภาษาที่ตรงไปตรงมา และแสดงให้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ของชาวอีสานว่า ต้องเผชิญ กับความยากลำบากอย่างไร การเรียนรู้ ที่จะอดทน เพื่อเอาชนะ กับความยากแค้น ตามธรรมชาติ ด้วยความมานะบากบั่น ความเอื้ออารี ที่มีให้กันในหมู่คณะ ความเคารพในระบบอาวุโส สิ่งเหล่านี้ ปรากฏอยู่ในแต่ละตอนของลูกอีสานรวมทั้งการแทรกอารมณ์ขันลงไปด้วย



ปฏิบัติกิจกรรมการอ่าน
อธิบายถ้อยคำ สำนวน ภาษาที่ปรากฏในเรื่อง

"เว้าไปทั่วทีบทั่วแดน" แปลว่า  "พูดไปมั่วไปเรื่อย" เป็นคำพูดที่ใช้เรียกคนที่พูดจาไร้สาระไม่มีเหตุผลในเรื่อง
"ยาพ่อ" หรือ "ยะพ่อ" เป็นคำใช้เรียกพระสงฆ์แต่ในเรื่องใช้ในความหมายประชดเวลาเรียกให้มาทานข้าว
ตีความจากการใช้ถ้อยคำ สำนวน โวหารในเรื่อง

"...เรื่องน้ำใจ  พ่อของคูนเคยสอนคูนเหมือนกันว่าคนมีชื่อนั้นคือ คน
รู้จักสงสารคนและช่วยเหลือคนตกทุกข์  ถ้าไม่มีสิ่งของช่วย ก็เอาแรงกาย
ช่วย  และไม่เลือกว่าคนๆ นั้นจะอยู่บ้านใด อำเภอใด"

                    ลูกอีสานเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวจากประสบการณ์ด้วยภาษาที่ตรงไปตรงมา และแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิต  ความเป็นอยู่ของชาวอีสานว่าต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างไร  การเรียนรู้ที่จะอดทนเพื่อเอาชนะกับความยากแค้นตามธรรมชาติ  ด้วยความมานะบากบั่น  ความเอื้ออารีที่มีให้กันในหมู่คณะ  ความเคารพในระบบอาวุโส  สิ่งเหล่านี้ปรากฎอยู่ในแต่ละตอนของลูกอีสาน  ดังที่พ่อของคูนบอก

จับใจความสำคัญจากเรื่องที่อ่าน
                    ลูกอีสาน เป็นการถ่ายทอดเรื่องราว จากประสบการณ์ ด้วยภาษาที่ตรงไปตรงมา และแสดงให้เห็นวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ของชาวอีสานว่า ต้องเผชิญ กับความยากลำบากอย่างไร การเรียนรู้ ที่จะอดทน เพื่อเอาชนะ กับความยากแค้น ตามธรรมชาติ ด้วยความมานะบากบั่น ความเอื้ออารี ที่มีให้กันในหมู่คณะ ความเคารพ ในระบบอาวุโส เพื่อเรียนรู้ที่จะ อยู่กับความยากลำบาก ความสามารถที่จะต่อสู้กับมันอย่างมีศักดิ์ศรี
                   






ทบทวนด้วยปัญญาและเหตุผลเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิต

วิเคราะห์วิจารณ์ลักษณะนิสัยตัวละคร

ตัวละครเอกคือเด็กชายคูน  สายตาของเด็กผู้กระหายใคร่เรียนรู้  เป็น สายตาแห่งการค้นหา  มีคุณสมบัติขยายทุกสิ่งทุกอย่างให้ใหญ่ไปหมด  เป็นสายตาแห่งการค้นพบที่จับเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ  และทำให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นสิ่งสำคัญขึ้นมาในความนึกคิด อาจกล่าวได้ว่าสายตาของเด็กเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมเชิงการเล่า เรื่อง 

                    พ่อคือผู้ยึดมั่นอย่างเด็ดเดี่ยวในเหตุผลของตนเอง
                    แม่ (เป็นผู้แสดงความคิดเห็นแย้งกับพ่อในเรื่อง แต่ก็ยอมแพ้และคล้อยตามพ่อไปในที่สุด)  แสดงให้เห็นว่าแม่ทำหน้าที่เป็นผู้ตามที่ดีถึงจะมีความคิดที่ไม่ตรงกันก็กล้าที่จะโต้แย้งตามระบอบประชาธิปไตย

บอกข้อคิดและคุณค่าจากการอ่านวรรณกรรม
                    นิยายแห่งการเรียนรู้เรื่อง ลูกอีสาน เสนอภาพลักษณ์ของอีสานที่แตกต่างจากนวนิยายสัจนิยมเพื่อชีวิตเรื่องอื่นๆอย่างสิ้นเชิง  ทั้งๆ ที่นวนิยายทั้งสองแนวก็ใช้วัตถุดิบเดียวกันคือ  ความลำบากยากแค้น  แต่เมื่อนำมาจัดฉากและผูกเรื่องไม่เหมือนกัน  ก็ทำให้สื่อความไม่เหมือนกัน  ลูกอีสานเป็นนวนิยายที่เร้าใจเป็นอย่างดี  เป็นเพราะนวนิยายเรื่องนี้แสดงคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ได้หมดจด  ทั้งความกล้าหาญ  ความมานะอดทน  และความรักในศักดิ์ศรีของตน กล่าวคือในลูกอีสาน คุณค่าของความเป็นอีสานอยู่ที่การเรียนรู้ที่จะ อยู่กับความยากลำบาก ความสามารถที่จะต่อสู้กับมันอย่างมีศักดิ์ศรี สรุปแล้วคือ  ความเป็นอีสานอยู่ได้ด้วยตัวของมันเอง  ไม่ต้องให้ใครอื่นมาสงสาร  เพราะความสงสารมักควบคู่ไปกับการดูถูกแบบลึกๆ นั่นเอง
ซึ่งนิยายเรื่องนี้ซึ่งปลุกเร้าความรู้สึกภาคภูมิใจและทระนงในความเป็นอีสานได้อย่างมีพลังทีเดียว