การวิเคราะห์และประเมินค่าเรื่องสั้น
เรื่อง
อรุณรุ่งที่หินกอง (เรียมเอง)
เนื้อเรื่อง
สามีภรรยาคู่หนึ่ง ได้เดินทางจากบ้านของตนเองเข้ากรุงเทพเพื่อที่จะไปเยี่ยมคุณแม่ ของภรรยา สภาพอากาศภายนอกรถไม่เป็นใจเท่าไหร่นัก เพราะตั้งแต่รถของทั้งสองแล่นผ่านวิหารแดงมาไม่เท่าไหร่ เมฆฝนก็จับตัวเป็นก้อน คลุมเครืออยู่บนท้องฟ้า นับตั้งแต่ออกจากปราจีนบุรีมา และในที่สุด ฝนก็ตกลงมาอย่างหนักราวกับพายุเข้า นอกจากสภาพอากาศไม่เป็นใจแล้ว ภรรยาของเขาก็เกิดเจ็บท้องครรภ์ ขึ้นมากทันหัน โดยที่ไม่มีการแสดงอาการเตือนก่อนหน้านี้ สามีของหล่อนเลือกที่จะรีบพาหล่อนไปที่หาหมอที่สระบุรี แทนที่จะเลี้ยวรถกลับไปที่ จังหวัด นครนายก หรือไม่ก็ ปราจีนบุรี เพราะมีหมอที่เขารู้จักอยู่ทำการที่นั้น ในเวลาต่อมาภรรยาของมีอาการปวดครรภ์มากขึ้นมากขึ้น จนเป็นลมหมดสติไป สามีของหล่อนได้หยุดรถทันทีหลังจากที่ได้ขับรถเลี้ยวเข้ามาที่ตำบลหินกอง แต่เขาก็ไม่ได้ดับเครื่อง หันมาดูภรรยาซึ่งหมดสติอยู่ข้างๆ แล้วจึงชะโงกหน้าออกมาจากรถเพื่อสังเกตบริเวณข้างทางขณะนั้นฝนได้ฝาลงแล้ว เขาก็ได้พบกับห้องแถว และมีป้ายแขวนว่า “กฤษณา กุมารเวช” ซึ่งอยู่ห่างจากที่ที่เขาจอดรถ ประมาณ 20 วา จากนั้นก็ได้ขับรถมาจอดใกล้ๆ เขาเปิดประตูรถออก ค่อยๆอุ้มภรรยาลงมาอย่างเบามือที่สุด เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องแถว แล้วจึงร้องเรียกเบาๆ 2 – 3 ครั้ง ครู่หนึ่งหน้าต่างชั้นบนก็ถูกเปิดออกด้วยฝีมือของ ผู้หญิงวัยกลางคน ผมเผ้ารุงรังถือตะเกียงหลอด ยื่นหน้าออกมาดู เมื่อหล่อนมอง คิดพิจารณาแล้วว่ามีร่างของหญิงสาวอยู่ในออมแขนของชายหนุ่มก็ลงมาเปิดประตูบ้านให้ ชายหนุ่มจึงอุ้มหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนไปวางไว้ที่เตียงตามคำสั่งของหญิงวัยกลางคนจากนั้นหล่อนก็ได้ไล่ชายหนุ่มออกไปรอข้างนอก เพราะเด็กที่อยู่ในท้องภรรยาของเขา อยู่ในท่าผิดปกติ แม่เด็ก ก็กระดูกเชิงกรานแคบอาจต้องใช้เครื่องช่วย ชายหนุ่มก็ยอมออกไปโดยดี ภายในใจของชายหนุ่มนั้นไม่วางใจกับสภาพข้างในห้องแถวเท่าไหร่นักเพราะข้างในห้องมีสภาพรกร้าง เวลาผ่านไปชายหนุ่มก็มีท่าทีหลับๆ ตื่นๆ ด้วยความเหนื่อยล้า จนกระทั้งได้สติตอนที่มีเสียงรถมาจอดหน้าห้องแถว จากนั้น ชายผู้เป็นสามีก็ได้พบกับชาย 3 – 4 คน และก็ได้ทราบจากหัวหน้าของชายทั้ง 3 ว่า หมอกฤษณาที่ทำคลอด ภรรยาของตนอยู่นั้น มีอาการทางจิตไม่ปกติ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำว่าให้รีบช่วยภรรยาของเขาออกมาโดยด่วน แต่ผู้เป็นสามีปฏิเสธ เพราะชีวิตภรรยาของเขา อยู่ในอารมณ์ของหมอกฤษณา ในขณะนี้ ทางเดียวที่ดีที่สุดคือการปล่อยให้หมอ ใช้ความชำนาญจากสติที่เหลืออยู่ ในเวลาต่อมาก่อนฟ้าสางฝนหยุดตก หมอกฤษณา กุมารเวช ได้เปิดประตูออกพร้อมกับอุ้มเด็กผู้ชายที่พึ่งคลอดจากครรภ์มารดา ออกมา ชายหนุ่มได้สติจึงเข้าไปดูภรรยาตนที่นอนอยู่บนเตียงผลปรากฏว่าปลอดภัยทั้งแม่ และ ลูก ผู้เป็นสามี รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ความอ่อนล้าของ พ่อแม่และลูกทำให้ทั้งสามหลับไป จนกระทั้ง เช้าวันใหม่มาเยือนพร้อมกับชีวิตใหม่ชีวิตหนึ่ง ในขณะเดียวกัน หมอกฤษณา กุมารเวช ผู้วิกลจริตเพราะความเศร้าเสียใจ ในการที่เคนทำคลอด ให้แก่ลูกสาว ซึ่งเป็นสายเลือด คนเดียว พลาดถึงแก่ความตายทั้งแม่และเด็ก ก็ถูกนำกลับไปอยู่ในสถานที่ที่ควรอยู่ต่อไป จนกว่าจะรักษาหายเป็นปกติ
ประเด็นวิเคราะห์
“เรื่อง อรุณรุ่งที่หินกอง เป็นเรื่องสั้นประเภทใด”
เรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นประเภทสร้างบรรยากาศ
ที่มีการบรรยายบรรยากาศที่สมจริงทำให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพสามารถที่จะจินตนาการเรื่องราวประพกอบได้ง่าย
เช่น ฉากของการเดินทางที่ต้องผ่านอุปสรรคมากมายท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำ และฉากระทึกขวัญของหญิงวัยกลางคนที่กำลังทำคลอดอยู่กับผู้ป่วยโรคจิต
ซึ่งฉากและบรรยากาศเหล่านี้สามารถดึงดูดให้ผู้อ่านใคร่ที่จะติดตามเรื่องเป็นอย่างมาก
ประเด็นวิเคราะห์
“อะไร คือแก่นเรื่อง ของเรื่อง อรุณรุ่งที่หินกอง”
แก่นเรื่อง
ในเรื่องเป็นการนำเสนอเรื่องราวของการตัดสินใจด้วยปัญญาที่ผ่านการพิจารณาที่รอบคอบและการใช้เหตุผลและการดูผลกระทบที่ตามมาเสมอก่อนตัดสินใจ
ประเด็นวิเคราะห์
“ผู้เขียนกำหนดโครงเรื่องไว้อย่างไร”
โดยผู้เขียนกำหนด โครงเรื่องเพื่อเสนอแก่นเรื่องด้วยการสร้างเหตุการณ์และกำหนดให้ตัวละครดำเนินเรื่องตามเหตุการณ์ที่วางไว้
ซึ่งระหว่างการดำเนินเรื่องก็มีความวุ่นวายและปมปัญหาเกิดขึ้นมากมายจนทำให้เรื่องเกิดความน่าสนใจและจบเรื่องด้วยสิ่งที่ผู้อ่านไม่คาดคิด
ประเด็นวิเคราะห์
“ผู้เขียนใช้กลวิธีในการนำเสนอเรื่องและกลวิธีการสร้างตัวละครอย่างไร”
ในการดำเนินเรื่องเพื่อเสนอแก่นเรื่องและโครงเรื่องนั้น
ผู้เขียนได้สร้างตัวละครขึ้นมาโดยสร้างให้มีคู่สามีภรรยาคุยกันในตอนเปิดเรื่องซึ่งคู่นั้นจะเดินทางไปกรุงเทพฯ
แต่ภรรยาได้เจ็บท้องคลอดเสียก่อน โดยภรรยาปวดท้องคลอดมาก
และเมื่อไปถึงสถานที่แห่งหนึ่งก็ไปพบคลินิกผดุงครรภ์ ซึ่งผู้เขียนไม่ได้เฉลยในตอนแรกว่าหมอครรภ์คนนี้เป็นผู้ป่วยโรคประสาท
แต่ภรรยาก็ได้ไปอยู่ในห้องทำคลอดกับหมอวิกลจริตแล้ว
ประเด็นวิเคราะห์
“ผู้เขียนใช้ภาษาในการเขียนอย่างไร”
ในเรื่องมีการใช้ภาษาที่สละสลวยมาก
ใช้ภาษาในการบรรยายฉากที่ลึกซึ้ง มีการใช้คำอุปมา
ทำให้ผู้อ่านได้เห็นภาพที่มีความสมจริงสมจังและจินตนาการเรื่องราวประกอบได้
ประเด็นวิเคราะห์ “บทสนทนาของเรื่อง อรุณรุ่งที่หินกอง มีความสมจริงและเหมาะสมกับตัวละครหรือไม่”
จะเห็นได้ว่าบทสนทนามีลักษณะที่สมจริง
เหมาะสมกับตัวละคร มีการถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครผ่านบทสนทนา
ทำให้บทสนทนาของตัวละครในจินตนาการกลับกลายเป็นบทพูดที่มีชีวิตชีวา
อีกทั้งยังเป็นบทที่ไม่ยืดยาว เหมือนคำพูดที่ใช้สนทนาในชีวิตประจำวัน
ประเด็นวิเคราะห์ “ผู้เขียนใช้กลวิธีในการสร้างบรรยากาศอย่างไรและสะท้อนให้เห็นบรรยากาศของสถานที่ใด
เป็นอย่างไรบ้าง"
ด้านการบรรยายบรรยากาศผู้เขียนเอง
ที่ช่วยให้ผู้อ่านได้เห็นฉากของชีวิตชนบท โดยพรรณนาบรรยากาศอย่างละเอียดจนทำให้ผู้อ่านเห็นภาพ
และจินตนาการถึงบรรยากาศได้ชัดเจน เปรียบดั่งผู้อ่านเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในสถานการณ์นั้นด้วย
ในเรื่องสะท้อนให้เห็นภาพ หุบเขา ความมืด
และพายุฝนกระหน่ำลงมาซึ่งเป็นบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกเยือกเย็น เหน็บหนาวและมือมน
ประเด็นวิเคราะห์ “ผู้เขียนใช้กลวิธีในการจบเรื่องอย่างไร”
ในการจบเรื่องนั้น ผู้เขียนได้เฉลยไว้ตอนใกล้จบเรื่องว่าผู้ที่ทำคลอดนั้นเป็นบุคคลวิกลจริต
แต่เคยเป็นกุมารแพทย์มาก่อน
ซึ่งทำให้เนื้อเรื่องส่วนนี้มีความน่าตื่นเต้นและน่าติดตามมาก
ซึ่งตอนสุดท้ายก็ได้จบเรื่องแบบสุขนาฏกรรม ชายในเรื่องได้พบกับความสุขของการได้เห็นบุตรและภรรยาตนปลอดภัยจากการทำคลอดของหมอโรคประสาท
แต่ในความยินดีก็เกิดเหตุการณ์แห่งความเสียใจที่กุมารแพทย์ที่สติไม่ดีจากการทำคลอดให้บุตรสาวเพียงคนเดียวของตนเสียชีวิต
ต้องกลับไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลบ้า
ซึ่งฉากนี้เป็นการบีบคั้นความรู้สึกของผู้อ่านอย่างรุนแรง
ประเด็นวิเคราะห์ “องค์ประกอบทุกส่วนมีความผสมผสานสอดคล้องกันหรือไม่อย่างไร”
เมื่อพิจารณาในด้านความผสมผสานสอดคล้องกันของทุกองค์ประกอบแล้วผู้เขียนได้สร้างเรื่องราวที่ประทับใจผู้อ่านเป็นอย่างมาก
เรื่องราวเป็นเหตุเป็นผลกันมีความผสมผสานสอดคล้องกันดี
แต่ในช่วงของการทำคลอดอาจจะกล่าวโดยภาพรวมซึ่งมีความเป็นไปได้น้อยที่คนวิกลจริต
จะสมารถใช้สติควบคุมตัวเองได้เป็นเวลานาน
ประเด็นวิเคราะห์ “การประเมินค่าของเรื่องสั้นนี้
อยู่ที่ประเด็นใด”
เรื่องสั้นเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องสั้นที่มีความบกพร่องน้อยมาก
และเมื่อพิจารณาโดยรวมแล้วก็จัดได้ว่าเป็นเรื่องสั้นที่มีความสร้างสรรค์ทั้งในเรื่องของวรรณศิลป์
การใช้ถ้อยคำในการเขียน การถ่ายทอดอารมณ์ให้ผู้อ่านรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของฉาก
อีกทั้งยังให้แง่คิดในเรื่องของการตัดสินใจที่ประกอบด้วยเหตุผล
และคิดถึงผลกระทบที่ตามมาเสมอ
จะได้ไม่ต้องเสียใจในภายหลังกับการตัดสินใจที่ผิดพลาด
วิเคราะห์โดย พงศธร เบญจกูล